Oronomedica

มารู้จักวิติมินดีเพิ่มเติมกันเถอะ!!

ภาวะวิตามินดีบกพร่อง มีสาเหตุจากอะไร?
  1. การได้รับวิตามินดีจากอาหารไม่เพียงพอ โดยบุคคลที่รับประทานมังสวิรัติและไม่รับประทานเนื้อปลา มีแนวโน้มได้รับวิตามินดีไม่เพียงพอในแต่ละวัน
  2. การได้รับแสงแดดไม่เพียงพอ การหลีกเลี่ยงแสงแดด รวมทั้งการใช้ผลิตภัณฑ์กันแดด ล้วนส่งผลให้การสังเคราะห์วิตามินดีจากผิวหนังลดลง
  3. การดูดซึมวิตามินดีผ่านทางเดินอาหารบกพร่อง จากโรคที่ส่งผลให้การดูดซึมวิตามินดีลดลง เช่น Celiac disease, Crohn’s disease เป็นต้น นอกจากนี้ การผ่าตัดเพื่อลดขนาดกระเพาะอาหารหรือลำไส้เล็กก็มีส่วนทำให้การดูดซึมวิตามินดีลดลงได้
  4. การรับประทานยาบางชนิด เช่น ยากันชัก ยาขยายหลอดลม ยารักษาวัณโรคบางชนิด ส่งผลให้ร่างกายเปลี่ยนวิตามินดีไปอยู่ในรูปแบบที่ไม่ออกฤทธิ์มากขึ้น
วิตามินดีมีความสำคัญอย่างไร?

วิตามินดี (Vitamin D) เป็นวิตามินชนิดละลายในไขมันที่พบได้หลายรูปแบบ แต่รูปแบบที่จำเป็นต่อร่างกาย ได้แก่ วิตามินดี 2 หรือเออโกแคลซิเฟอรอล (Vitamin D2/Ergocalciferol) พบได้เฉพาะในพืชเท่านั้น และอีกรูปแบบ คือ วิตามินดี 3 หรือโคเลแคลซิเฟอรอล (Vitamin D3/Cholecalciferol) ได้รับจากการสังเคราะห์ที่ผิวหนังเมื่อโดนแสงแดดอ่อน ๆ และอาหาร โดยทั่วไปมักเรียกรวมเป็นวิตามินดี

หน้าที่สำคัญของวิตามินดี จะช่วยดูดซึมแคลเซียม ไปใช้ในกระบวนการสร้างกระดูก รักษาความสมดุลของระดับแคลเซียมและฟอสฟอรัสในเลือด มีส่วนสำคัญในการทำงานของระบบประสาท กล้ามเนื้อ ปอด สมอง หัวใจและระบบภูมิคุ้มกัน

แหล่งอาหารที่อุดมด้วยวิตามินดี เช่น ไข่แดง ปลาทะเล ตับ นม หรือผลิตภัณฑ์อาหารที่เสริมวิตามินดีลงไปเพิ่มเติม หรืออาจรับประทานเพิ่มในรูปแบบอาหารเสริม เช่น เอ็มเคเซเว่น+วิตามินดี3 หรือ MK7+D3 ผลิตภัณฑ์ของ โอโรโน่เมดิก้า ซึ่งจะช่วยป้องกันและรักษาการขาดวิตามินดี ที่ร่างกายได้รับในรูปแบบอื่นไม่เพียงพอ ป้องกันโรคที่เกี่ยวข้องกับกระดูก เช่น โรคกระดูกพรุน (Osteoporosis) ในผู้สูงอายุ หรือโรคกระดูกอ่อนในเด็กในผู้ที่ขาดวิตามินดีอย่างรุนแรง

แหล่งของวิตามินดีที่สำคัญ
  1. แสงแดดตามธรรมชาติ : เนื่องด้วยเซลผิวหนังของคนเราสามารถสังเคราะห์วิตามินดี (Vitamin D3) ได้จากคอเลสเตอรอล โดยมีรังสี UVB จากแสงแดดเป็นตัวกระตุ้น การได้รับแสงแดดอ่อนๆ อย่างน้อย 15 นาที จำนวน 2-4 ครั้ง/สัปดาห์ ช่วงเวลาที่ไม่ร้อนจนเกินไป เช่น เวลาเช้า 6.00 – 8.00 น. หรือช่วงเย็น 16.00 -18.00 น. ทำให้ร่างกายได้รับวิตามินดีเพิ่มเติม
  2. รับประทานอาหารที่ให้ปริมาณวิตามินดีสูง เช่น ปลาที่มีน้ำมันสูง เช่น ปลาซาร์ดีน ปลาเทราต์ ปลาทูน่า ปลาแซลมอน ปลาแมคเคอเรล เป็นต้น
    น้ำมันตับปลา ไข่แดง นม อาหารเสริมวิตามินดี เช่น มาร์การีน ซีเรียล ขนมปัง และผลิตภัณฑ์อาหารเสริม MK7+D3 ของโอโรโน่เมดิก้า เป็นต้น
Shares this :
© 2019 Oronomedica. All Rights Reserved.